สวัสดีค่ะน้องๆชาว Dek-D.com วันนี้ พี่สตางค์ ก็มีคอร์สปริญญาโทที่น่าสนใจมาแนะนำน้องๆกันอีกเช่นเคยค่ะ ^^ โดยคราวนี้จะขอเอาใจคนที่ชอบทั้งเรื่องศิลปะ (Art) และเรื่องของจิตวิทยา (Psychology) … มาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า แล้วมันมีด้วยเหรอ…วิชาอะไรที่เราจะสามารถเรียนทั้งสองสาขานี้ได้ ?? (ทั้งๆที่มันไม่น่าจะไปด้วยกันได้เลยซักนิด) แต่ พี่สตางค์ ขอบอกเลยว่า มีค่ะ! สาขานั้นก็คือ Art Therapy หรือ “วิชาศิลปะบำบัด” นั่นเองค่ะ ^^
ศิลปะบำบัด (art therapy) นั้นเป็นการที่ประยุกต์ใช้กิจกรรมทางศิลปะ เช่น การปั้นดิน การวาดภาพ ระบายสี ฯลฯ เพื่อช่วยเหลือในด้านการบำบัด พัฒนา และฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ดีขึ้น โดยความสำคัญจะอยู่ที่กระบวนการระหว่างการทำงานศิลปะมากกว่าผลงานที่ออกมา ซึ่งนักศิลปะบำบัดจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับการประเมินทางจิตวิทยามาช่วยใน การวิเคราะห์ และเลือกใช้กิจกรรมทางศิลปะที่เหมาะสมในการบำบัดคนผู้นั้น
ในประเทศไทย ศิลปะบำบัดมักจะถูกมองว่าเป็นเรื่องสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจเท่า นั้น แต่ในต่างประเทศนั้น ศิลปะบำบัดกลับเป็นอะไรที่ไม่จำกัดอยู่แค่ผู้ป่วย แม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถใช้ Art Therapyพัฒนาด้านอารมณ์และสมาธิ ดูแลรักษาจิตใจ รวมถึงเป็นการระบายอารมณ์ในรูปแบบที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ผ่านงานศิลปะในรูป แบบต่างๆ ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้นค่ะ ซึ่งเมื่ออารมณ์เราดี สภาพร่างกายของเราก็จะดีตามไปอีกด้วย
หลักสูตรวิชา Art Therapy
สำหรับหลักสูตรการเรียนสาขาวิชาศิลปะบำบัดนั้น นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการให้คำปรึกษา (counseling methods) และศิลปะที่จะช่วยเหลือในการรักษา การค้นพบตัวเอง และการพัฒนาทางด้านต่างๆ ซึ่งในกระบวนการบำบัดนั้น ผู้ศึกษาวิชานี้ก็จะต้องเรียนรู้ที่จะช่วยพัฒนาทางในด้านของจิตใจ อารมณ์ และทางกายภาพของผู้ป่วยหรือผู้ที่มาทำการบำบัด ซึ่งก็จะต้องเรียนรู้ในการดูแลรักษาผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจและอารมณ์ในแบบ ต่างๆ ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ทางศิลปะในรูปแบบต่างๆนั่นเองค่ะ
ปริญญาโททาง Art Therapy
นักศึกษาปริญญาโททางด้านนี้ จะได้เรียนรู้ศิลปะในรูปแบบต่างๆที่หลากหลายเพื่อใช้ในช่วยเหลือบุคคล ทั้งในแง่ของการรักษา ช่วยทำให้สงบ สร้างการพัฒนา กระตุ้นให้เกิดการแสดงออก และค้นพบตัวเองให้ขึ้นในคนผู้นั้น ซึ่งงานที่จะต้องทำในหลักสูตรนั้นก็จะมีทั้งงานศิลปะ การให้คำปรึกษา และการฝึกในเรื่องของจิตวิเคราะห์ (psychotherapy) ซึ่งในหลายๆสถาบันก็จะมีเปิดสอนทั้งที่เป็นปริญญาโททางวิทยาศาสตร์ (Master of Science – MS) และปริญญาโททางศิลปศาสตร์ (Master of Arts – MA) ซึ่งการเรียนนอกเหนือไปจากการเข้าห้องเรียนฟังเลคเชอร์ การทำรายงานและการวิจัยแล้ว นักศึกษายังจะต้องฝึกงานในการปฏิบัติจริงๆอีกด้วย
ตัวอย่างวิชาเรียน
- ทฤษฎีศิลปะบำบัด (Art therapy theories)
- วิธีการในการประเมินผล (Assessment methods)
- ศิลปะบำบัดในเด็ก (Child art therapy)
- จิตวิทยาศิลปะ (Art psychology)
- การบำบัดเป็นกลุ่ม (Group therapy)
- การพัฒนามนุษย์ (Human development)
- ศิลปะบำบัดและวิธีการวิจัย (Art therapy research methods)
- ศิลปะบำบัดสำหรับครอบครัว (Art therapy for families)
- จิตพยาธิวิทยา (Psychopathology)***
*** วิชาจิตพยาธิวิทยา เป็นการศึกษาและวินิจฉัยอาการป่วยทางจิตและพฤติกรรมที่ผิดปกติค่ะ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับตัวพยาธิหรือปรสิต (ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะมีคำที่พ้องรูปกันอยู่) ซึ่งจริงๆแล้ววิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพยาธิคือ วิชาปรสิตวิทยา (Parasitology) ค่ะ
คุณสมบัติผู้สมัคร
ผู้ที่สนใจสมัครเข้าเรียนวิชา Art Therapy ในระดับปริญญาโทนั้น สามารถที่จะเรียนจบปริญญาตรีในสาขาวิชาใดก็ได้ไม่มีเจาะจง แต่บางสถาบันก็อาจจะระบุให้จบในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่นศิลปะ โดยเฉพาะทัศนศิลป์ (visual arts) หรือ จิตวิทยา (psychology) แต่หากไม่ได้มาในสาขานั้นโดยตรง ก็อาจจะกำหนดให้ต้องผ่านหลักสูตรวิชานั้นๆมาบ้างเป็นอย่างน้อย (เช่น ผ่านการลงเรียนวิชาพื้นฐานทางศิลปะ หรือ จิตวิทยาเบื้องต้นมาแล้ว) ซึ่งในส่วนของวิชาศิลปะก็อาจจะให้มีการส่งแฟ้มผลงานที่ผ่านมาของเรา (portfolio) ให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาด้วย
แนวทางอาชีพ
ผู้จบมาทางด้านศิลปะบำบัด สามารถเป็น “นักศิลปะบำบัด” (therapists) ในสถานรักษาพยาบาลต่างๆ รวมไปถึงในศูนย์ดูแลสุขภาพขององค์กรต่างๆ หน่วยงานภาครัฐ และศูนย์การรักษาเฉพาะทางต่างๆ เช่นในกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ กลุ่มบกพร่องทางพัฒนาการทางสติปัญญา เด็กสมาธิสั้น ออทิสติก รวมถึงในกลุ่มเด็กที่มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และพฤติกรรมอีกด้วยค่ะ
สถาบันที่เปิดสอน
ในต่างประเทศนั้นมีหลักสูตร Art Therapy เปิดสอนมากมาย และมีทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และอนุปริญญาด้วย ซึ่งตัวอย่างสถาบันที่เปิดสอนสาขานี้ ในสหรัฐอเมริกาก็ เช่น New York University, George Washington University, Southern Illinois University, Loyola Marymount University, Florida State University, Seton Hill University เป็นต้น ในสหราชอาณาจักร เช่น Roehampton University, Goldsmiths University, University of Derby, University of Hertfordshire, Queen Margaret University เป็นต้น ในออสเตรเลีย เช่น The University of Western Sydney, La Trobe University, University of Queensland, the Melbourne Institute for Experiential and Creative Arts Therapy เป็นต้น ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆเท่านั้น เพราะนอกจากนี้ยังอีกหลากหลายสถาบันในอีกหลายๆประเทศที่เปิดสอนสาขานี้กัน อีกเพียบเลยล่ะค่ะ
ใครสนใจศาสตร์แห่งการใช้ศิลปะเพื่อบำบัดจิตใจของผู้คนแล้วล่ะก็ แนะนำเลยค่ะว่าสาขานี้เป็นอีกหนึ่งสาขาที่น่าสนใจมากๆ และเหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบทั้งในเรื่องของศิลปะ รวมถึงเรื่องของจิตวิทยาและจิตวิเคราะห์ต่างๆด้วย ซึ่งในประเทศไทยเราเองผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ก็ยังไม่ได้มีมาก จึงเป็นอะไรที่น่าไปเรียนกลับมามากๆเลยทีเดียวเนอะ ^^
ข้อมูลประกอบ : education-portal.com, arttherapyblog.com, aatq.org
ภาพประกอบ : life123.com, ehow.com, psychologytoday.com,
soundmattersmusictherapy.com, cambrella.eu
ที่มาจาก http://www.dek-d.com